สารในลิ้นจี่ ป้องกันโรคตับ
เคล็ดลับสุขภาพ ด้วย Body Herbs
สารในลิ้นจี่ ป้องกันโรคตับ Healthy Beauty for Women One Day Body Herbsหากเอ่ยชื่อ Healtdeena หลายคนอาจไม่คุ้น แต่หากบอกว่าเป็น ลิ้นจี่ ต้องร้องอ๋อกันแน่ทีเดียว แต่รู้หรือไม่ว่าลิ้นจี่ ไม่ใช่มีดีแค่เพียงผลไม้เมืองหนาว แต่มีสรรพคุณมากกว่านั้น ไม่เพียงแค่เป็นผลไม้ที่มีสีแดงน่าทาน แต่คุณทราบหรือเปล่าว่าลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีมายาวนานกว่าพันปี ต้นกำเนิดของผลไม้ชนิดนี้มาจากประเทศจีน มาแพร่หลายในประเทศไทยเมื่อสมัยที่พ่อค้าจีนเข้ามาค้าขายในประเทศไทย ลิ้นจี้จะนิยมปลูกกันมากในภาคเหนือแต่ภาคอื่นก็ปลูกลิ้นจี่ได้เช่นกัน
สรรพคุณของลิ้นจี่เอง ในตัวเองจะมีฤทธิ์ร้อน ลิ้นจี่เป็นไม้ยืนต้น ลูกมีสีแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ลิ้นจี้ที่นิยมทานกันจะเป็นลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิซึ่งมีลูกใหญ่กว่าลิ้นจี่ พันธุ์อื่นๆ ลิ้นจี่ที่ถือว่าเป็นลิ้นจี่ที่ดีจะมีลักษณะดังนี้ เนื้อหนาแห้ง เปลือกร่อนง่าย ผิวต้องไม่มีตำหนิ นิยมทานสดหรือนำมาทำเป็นลิ้นจี่ลอยแก้ว
ลิ้นจี่ ยังเป็นผลไม้ที่มีสีแดงมีมายาวนาน กว่าพันปี ซึ่งมีต้นกำเนิดของผลไม้ชนิดนี้ มาจากประเทศจีนมีหลากหลายสายพันธุ์ทั้ง กิมเจ็ง ฮงฮวย และ จักรพรรดิ ในบ้านเราแหล่งที่มีพื้นที่ปลูกมากจะอยู่ในภาคเหนือ และเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้ไทย รศ.ดร.ภญ.พาณี ศิริสะอาด คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงศึกษาค้นคว้าคุณประโยชน์ผลไม้ดังกล่าว
รศ.ดร.ภญ.พาณี ได้เปิดเผยว่า ช่วงนี้เราเริ่มเห็นผลลิ้นจี่ทยอยสุก แต่สียังไม่เข้มจัด การเก็บเกี่ยวลิ้นจี่มักเริ่มในเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน เมื่อลิ้นจี่ออกสู่ท้องตลาด ลิ้นจี่จะเป็นของฝากที่มีคุณค่าที่เหมาะสำหรับผู้รับ เนื่องจากอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน และช่วยย่อยอาหาร ช่วยในการบำรุงอวัยวะภายในต่างๆ ภายในร่างกาย
ทั้งนี้จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลพบว่า เนื้อลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่ น้ำมันจากเมล็ดลิ้นจี่ มีสารประกอบ เป็นกรดไขมันที่สำคัญ เช่น ปาล์มมิติก 12% โอลิอิก 27% และไลโนเลอิก 11% เปลือก จะมีสารกลุ่มฟลาโวนอลที่สำคัญคือ โพรไซยาไนดินบี 4 ไพรไซยา-ไนดินบี 2 และอีพิคาเทชิน ส่วนที่สำคัญคือ ไซยาไนดิน-3-รูตินโนไซด์ ไซยาไนดิน-3กลูโคไซด์ เควอเซทิน-3-รูติโนไซด์ และเควอเซทิน-3-กลูโคไซด์ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง
และยังมีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านม จากสรรพคุณดังกล่าว ชาวแดนมังกรจึงนิยมกินผลไม้ดังกล่าวเพื่อช่วยบำรุง แก้อาการไอเรื้อรัง คัดจมูก อาการท้องเดิน ลดกรดในกระเพาะอาหาร และยังนำมาทำเป็นชาชงเพื่อบรรเทาอาการหวัด แก้การติดเชื้อในลำคอ อาการท้องเสียอย่างอ่อน และโรคจากการติดเชื้อไวรัส จากรายงานวิจัยยังพบว่า สารสกัดลิ้นจี่ลดขนาดเนื้องอกในสัตว์ทดลอง แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นสารสกัดส่วนใดของลิ้นจี่ สำหรับงานวิจัย นักวิทยาศาสตร์ของไทย พบว่า สารสกัดผลลิ้นจี่มีฤทธิ์ในการปกป้องตับ ในหนูที่เหนี่ยวนำให้ได้รับสารพิษ และเป็นโรคตับ เป็นผลไม้และอาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง
ผู้สนใจปรึกษาเรื่องภูมิปัญญาเพื่อสุขภาพได้ที่ศูนย์วิจัยสมุนไพรภาคเหนือ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ e–mail: [email protected] โทรศัพท์ 0–5394–4356 และ 0– 5394–4360 หรือ www.pharmacy.cmu.ac.th