เนื่องจากเวลาคุณมีประจำเดือน สาวๆ หลายท่านมักจะรู้สึกปวดบริเวณเต้านมเป็นพิเศษ หรือนี่จะเป็นสาเหตุของมะเร็งหรือเปล่า หรือแม้แต่ช่วงก่อนหรือหลังวันนั้นของเดือนก็ยังรู้สึกปวดอยู่ดี และมักเกิดอาการสงสัยว่านี่จะเป็นสาเหตุของมะเร็งเต้านมหรือไม่ วันนี้เรามาเฉลยกัน

อาการปวดเต้านมในหลายสาเหตุ บางคนคิดไปไกลว่าตนเองเป็นมะเร็งเต้านมด้วย เพราะเมื่อคลำแล้วรู้สึกเต้านมแข็งและมีอาการเจ็บ สารพัดปัญหา เอาเป็นว่าเรามาเจาะลึกเรื่องอาการปวกเต้านม และการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองกันเลยดีกว่า

การปวดบริเวณเต้านม

มักเป็นอาการที่พบได้บ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในผู้หญิงส่วนใหญ่ แต่จะต่างกันก็ตรงที่ความรุนแรงของอาการปวด และเชื่อว่า 2 ใน 3 ของผู้หญิงทั่วไปมักจะเคยมีอาการปวดเต้านมอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต และมักจะสร้างความกังวลใจให้กับคุณผู้หญิงส่วนใหญ่นี้ว่ามันจะเป็นสาเหตุของมะเร็ง และอาการของโรคมะเร็งเต้านมหรือเปล่า สำหรับในขั้นตอนทางการแพทย์นั้น เราสามารถตรวจสอบเพื่อแยกว่าเป็นการเจ็บที่บริเวณกล้ามเนื้อนม หรือผนังหน้าอก ทั้งนี้อาการปวดบริเวณเต้านมนั้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ

  • อาการปวดที่มีสาเหตุสัมพันธ์กับรอบเดือนนั้น โดยเฉพาะในช่วงหลังไข่ตก หรือช่วงกลางรอบเดือน จะมีอาการปวดทั้ง 2 ข้าง และมีอาการเจ็บแบบตึงๆ หรืออาการเจ็บเพียงเล็กน้อยถึงปวดคล้ายถูกของแหลมแทง
  • อาการปวดที่ไม่สัมพันธ์กับรอบเดือน ซึ่งจะมีอาการเจ็บเต้านมส่วนใหญ่มักจะสามารถระบุตำแหน่งที่เจ็บได้ โดยมากจะเป็นบริเวณใต้หัวนมข้างใดข้างหนึ่ง หรือมีอาการทั้ง 2 ข้างก็ได้ ซึ่งอาการเจ็บมักจะรู้สึกแสบๆ คันๆ หรือตึงๆ เท่านั้น

อาการปวดเต้านม กับมะเร็ง

เจ็บเต้านมกับรอบเดือน

อาการเจ็บในลักษณะนี้เกิดจากขณะที่มีการตกไข่ ฮฮร์โมนเพศหญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงทำให้กรดไขมันตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า กาโมลีนิก (Gamolenic Acid) ลดต่ำลง จึงทำให้คุณผู้หญิงรู้สึกปวดที่บริเวณเต้านม โดยจะเจ็บแบบตึงๆ ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งหากคุณผู้หญิงท่านใดเกิดความกังวล หรือสงสัยที่มันเป็นอาการของโรคมะเร็งเต้านมหรือไม่ ก็สามารถมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการดังกล่าว ซึ่งรายละเอียดในการตรวจของแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอาการปวดดังกล่าวว่าคุณปวดตรงบริเวณใด ปวดสัมพันธ์กับรอบเดือนหรือไม่ และจะตรวจร่างกายดูว่ามีก้อนที่เต้านมหรือมีน้ำออกจากหัวนมหรือไม่

  • ถ้าตรวจพบว่ามีก้อนที่เต้านม แพทย์ก็จะส่งตรวจอัลตร้าซาวด์ดูว่าก้อนนั้นเป็นถุงน้ำหรือก้อนเนื้อ
  • ถ้าตรวจพบว่ามีน้ำออกจากหัวนม ก็จะต้องดูสีน้ำที่ออกมาว่าเป็นเลือดหรือเป็นสีน้ำนมธรรมดา และแพทย์จะส่งตัวอย่างน้ำที่ออกมานั้นไปตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็งเต้านม และจะให้ผู้รับบริการตรวจแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์
  • ถ้าพบตรวจพบว่ามีแผลหรือตุ่มน้ำใสที่ผิวหนังของเต้านมอาจจะเป็นงูสวัดได้
  • ถ้าตรวจไม่พบความผิดปกติ แพทย์จะแนะนำให้ทำแมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์ถ้าผลไม่มีความผิดปกติก็จะอธิบายเรื่องปวดที่เต้านมให้ผู้รับบริการเข้าใจต่อไป

ดูแลตนเองถ้าปวดเต้านมเมื่อมีรอบเดือน

สำหรับอาการปวดเต้านมที่ไม่พบความผิดปกติที่เต้านม ก็อาจจะยากที่จะระบุต้นเหตุที่แท้จริงของอาการปวด แต่สาเหตุก็มักรวมๆ กันตั้งแต่การใช้งานแขนข้างนั้นมากเกินไป การออกกำลังกายที่ผิดจังหวะ การรับประทานยาฮอร์โมนบางชนิดหรือดื่มน้ำชา กาแฟ ช็อคโกแลต มากเกินไป

โดยหลังจากแพทย์ตรวจและไม่พบความผิดปกติใดๆ คุณก็หมดกังวลไปได้เลยว่าจะเป็นโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งแพทย์จะแนะนำให้ลองเปลี่ยนยกทรงหรือเลือกชนิดและขนาดที่เหมาะสมกับสรีระ การปรับวิธีการรับประทานอาหาร เช่น ลดปริมาณไขมันจากเนื้อสัตว์ (นม, เนย, ชีส, ไอสครีม) และควรเพิ่มอาการจำพวกผักและผลไม้สดแทน ถ้าหากอาการยังไม่หาย อาจจะต้องรับประทานยา เช่น Evening primrose oil โดยรับประทานยาทุกวันตอนเย็นอย่างน้อย 3 เดือน

ปวดเต้านมที่ไม่เกี่ยวกับรอบเดือน

สำหรับอาการปวดในลักษณะนี้มักเกิดจากกระดูกอ่อนซี่โครงอักเสบ หรืออาจจะเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ หรือมีถุงน้ำที่เต้านมมากกว่าเป็นมะเร็งเต้านมเพราะมีอาการต่างกัน โดยหากมีถุงน้ำที่เต้านม แพทย์จะดูว่าถุงน้ำมีขนาดใหญ่หรือไม่ ถ้ามีขนาดใหญ่พอที่มือจะสามารถคลำได้แพทย์ก็จะเจาะเอาน้ำส่วนเกินนั้นออกไป ถ้าคลำไม่ได้ก็จะให้รับประทานยาแก้ปวดเพื่อระงับการปวดแทน

อาการปวดนม กับมะเร็ง

ในผู้หญิงหลายท่านอาจจะเกิดความกังวลใจว่า อาการปวดดังกล่าวจะเป็นสาเหตุของมะเร็งหรือไม่ ในความเป็นจริงแล้ว มะเร็งเต้านมมีอาการที่บ่งบอได้ชัดเจน ที่จะทำให้เกิดอาการปวดคือ ต้องมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ และลุกลามไปที่ผิวหนังข้างนอกหรือที่ผนังหน้าอกข้างในอย่างเห็นได้ชัด เพราะฉะนั้นสำหรับคุณหมอแล้ว หากเจอผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดเต้านม แพทย์จะนึกถึงสาเหตุของมะเร็งน้อยมาก โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 35 ปี แต่ถ้าอายุมากกว่า 35 ปีและมีอาการปวดเต้านมข้างเดียว และสามารถคลำได้จนเจอก้อนก็มีโอกาสสูงที่จะมีสาเหตุของมะเร็ง และอาจจะเป็นมะเร็งเต้านมได้ แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นถุงน้ำ หรือที่เรียกว่า ซีสต์ มากกว่ามะเร็งเต้านม